สารบัญ
4 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ xiaomi รุ่นไหนดี
1. Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 Lite เหมาะสำหรับห้อง ขนาด 25 - 43㎡
Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite เครื่องฟอกอากาศ เสียวหมี่ 4 Lite เหมาะสำหรับห้อง ขนาด 25 – 43 ตร.ม. มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพด้วยตัวกรองประสิทธิภาพสูงต้านเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99.99% พร้อมจัดการสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้มากถึง 120 ลบ./ชม. ใช้งานง่ายด้วยหน้าจอการแสดงผลแบบ LED ควบคุมด้วยเสียงอัจฉริยะ ระบบสัมผัส หรือผ่าน Application ทำงานเงียบเพียง 33.4-61 เดซิเบล ลดการรบกวนการนอนพักผ่อนของคุณในเวลากลางคืน เซนเซอร์ความแม่นยำสูงตรวจวัดอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กของ PM2.5 ได้อย่างแม่นยำ

คุณสมบัติ
- เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาด 25 - 43 ตารางเมตร ทำให้น่าสนใจสำหรับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น
- อัตราการผลัดอากาศสูงถึง 360 m³/h ช่วยให้สามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- Activated Carbon Block ไส้กรองคาร์บอนอัดแท่ง กำจัดกลิ่น สี คลอรีน สารเคมี สารตะกั่ว และสารก่อมะเร็ง
- สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องฟอกอากาศผ่านแอป Mi Home หรือ Xiaomi Home บนอุปกรณ์มือถือ
- มีเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับความแรงของพัดลมโดยอัตโนมัติเมื่อคุณภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
- ไฟแสดงสถานะคุณภาพอากาศจะเปลี่ยนสีตามระดับคุณภาพ เช่น สีเขียว (ดี), สีเหลือง (ปานกลาง), สีแดง (แย่)
ข้อสังเกต
- เสียงในการทำงาน : 35.8 - 60dB
- CADR : 380 ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง
- ขนาดห้อง : 26 - 45 ตารางเมตร
- หน้าจอ : LED (ค่าปริมาณฝุ่น หรือมลพิษในอากาศ, อุณหภูมิ, และความชื้นในห้อง)
2. Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 Compact เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ ขนาดเล็กกะทัดรัด
Xiaomi Smart Air Purifier 4 Compact เครื่องฟอกอากาศขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็กถึงกลาง ด้วยฟิลเตอร์ 3 ชั้นที่ประกอบไปด้วย Pre-Filter, HEPA Filter และ Activated Carbon Filter ซึ่งสามารถกรองฝุ่น, ขนสัตว์, แบคทีเรีย และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการกรองฝุ่น PM2.5 ที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน เครื่องยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับความแรงของพัดลมให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ รวมถึงสามารถควบคุมผ่านแอป Mi Home หรือ Xiaomi Home บนอุปกรณ์มือถือ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการแสดงไฟที่แสดงสถานะคุณภาพอากาศ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถรู้สถานะของอากาศในห้องได้ง่ายๆ

คุณสมบัติ
- ใช้ฟิลเตอร์ 3 ชั้น ได้แก่ Pre-Filter, HEPA Filter และ Activated Carbon Filter ที่ช่วยกรองฝุ่น, แบคทีเรีย, ขนสัตว์, มลพิษทางอากาศ และกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ฟิลเตอร์ HEPA สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ซึ่งช่วยกรองฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของเครื่องผ่านแอป Mi Home หรือ Xiaomi Home บนอุปกรณ์มือถือ
- มีเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับคุณภาพอากาศในห้องและปรับความแรงของพัดลมโดยอัตโนมัติตามคุณภาพอากาศ
- ขนาดของเครื่องเล็กและเบา ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่จำกัด
ข้อสังเกต
- พื้นที่ครอบคลุมการทำงาน 16-27 ตร.ม.
- Particle CADR 230 ลบ.ม./ชม.
- เสียงรบกวน ≤ 60dB(A)
- น้ำหนักสุทธิ ประมาณ 2.2 กก.
3. Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 Pro เครื่องฟอกอากาศ กำจัดฟอร์มาลดีไฮด์/PM2.5 พื้นที่ใช้งาน 35-60㎡
Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 Pro เป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดฝุ่น PM2.5 และฟอร์มาลดีไฮด์ เหมาะสำหรับห้องขนาด 35-60 ตารางเมตร ด้วยฟิลเตอร์ 3 ชั้นที่ประกอบไปด้วย Pre-Filter, HEPA Filter และ Activated Carbon Filter ทำให้สามารถกรองฝุ่นละออง, สารพิษ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีอัตราการผลัดอากาศสูงถึง 500 m³/h ช่วยให้ฟอกอากาศได้รวดเร็ว และมีเสียงการทำงานที่เงียบสงบเพียง 32 dB ทำให้ไม่รบกวนการทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมผ่านแอป Mi Home หรือ Xiaomi Home บนอุปกรณ์มือถือและแสดงสถานะคุณภาพอากาศด้วยไฟที่เปลี่ยนสีตามระดับของอากาศ

คุณสมบัติ
- มีอัตราการผลัดอากาศสูงถึง 500 m³/h ช่วยให้ฟอกอากาศได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 35 - 60 ตารางเมตร ซึ่งเหมาะสำหรับห้องนั่งเล่นหรือพื้นที่ขนาดกลางถึงใหญ่
- เครื่องทำงานได้อย่างเงียบสงบด้วยระดับเสียงต่ำ ช่วยให้ไม่รบกวนการนอนหลับหรือทำกิจกรรมต่างๆ
- มีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับคุณภาพอากาศและปรับความแรงของพัดลมให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
- สามารถตั้งเวลาเปิด/ปิดเครื่องได้ตามต้องการเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
- ใช้ฟิลเตอร์ 3 ชั้น ได้แก่ Pre-Filter, HEPA Filter และ Activated Carbon Filter ซึ่งช่วยกรองฝุ่นละออง, PM2.5, ฟอร์มาลดีไฮด์, สารพิษ และกลิ่นไม่พึงประสงค์
ข้อสังเกต
- ประสิทธิภาพพื้นที่: 165 ตร.ม. ต่อชั่วโมง
- CADR (ฟอร์มาลดีไฮด์): 185 ลบ.ม./ชม
- อายุการใช้งานตัวกรอง: 6~12 เดือน
- CADR (อนุภาค): 500 m³/ชม
- ระดับเสียงรบกวน: 34~64dB
4. Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 เครื่องฟอกอากาศ กำจัดฟอร์มาลดีไฮด์/PM2.5 เหมาะพื้นที่ 28-48㎡ เสียงรบกวนต่ำ 32.1dB
Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์และฝุ่น PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องขนาด 28-48 ตารางเมตร ด้วยฟิลเตอร์ 3 ชั้นที่ช่วยกรองฝุ่นละออง, สารพิษ, แบคทีเรีย และกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยเครื่องมีอัตราการผลัดอากาศสูงและสามารถปรับความแรงของพัดลมอัตโนมัติตามคุณภาพอากาศที่ตรวจจับได้ มีเสียงการทำงานเบามาก เพียง 32.1dB ซึ่งไม่รบกวนการนอนหลับหรือการทำงาน มาพร้อมกับฟังก์ชันการควบคุมผ่านแอป Mi Home หรือ Xiaomi Home

คุณสมบัติ
- ใช้ฟิลเตอร์ 3 ชั้น ได้แก่ Pre-Filter, HEPA Filter และ Activated Carbon Filter ที่สามารถกรองฝุ่น, PM2.5, ฟอร์มาลดีไฮด์, สารพิษ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เครื่องฟอกอากาศสามารถกำจัดฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 และฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 28 - 48 ตารางเมตร ซึ่งสามารถใช้ในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นได้
- มีอัตราการผลัดอากาศที่สูง ช่วยให้ฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- เครื่องมีเซ็นเซอร์ที่สามารถตรวจจับคุณภาพอากาศในห้องและปรับความเร็วของพัดลมอัตโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ
- สามารถเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของเครื่องผ่านแอป Mi Home หรือ Xiaomi Home เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น
ข้อสังเกต
- สามารถกรองสารฟอร์มาลดีไฮด์ (FCADR) และเปลี่ยนเป็นอากาศบริสุทธิ์ได้ 150 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- กรองอากาศ 360 องศา ด้วยไส้กรองถึง 3 ชั้น คือ 1.Cloth Primary Filter
- ผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้ 400 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- มอเตอร์ DC Brushless แบบไร้แปลงถ่าน
- หน้าจอ OLED ระบบสัมผัส
ข้อพิจารณาในการเลือก เครื่องฟอกอากาศ
1. ขนาดห้องและค่า CADR
- ขนาดห้อง: ก่อนอื่นเลย คุณต้องรู้ขนาดห้องที่ต้องการจะวางเครื่องฟอกอากาศ เพื่อเลือกเครื่องที่มีขนาดและประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสม
- ค่า CADR: ค่า Clean Air Delivery Rate หรือ CADR เป็นตัวบ่งบอกปริมาณอากาศที่เครื่องฟอกอากาศสามารถทำความสะอาดได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ยิ่งค่า CADR สูง เครื่องก็จะยิ่งทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. เทคโนโลยีการกรอง
- แผ่นกรอง HEPA: กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง PM2.5
- แผ่นกรองคาร์บอน: ดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นบุหรี่ กลิ่นอาหาร
- แผ่นกรองโพลีฟีนอล: ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส
- เทคโนโลยี Ionizer: ปล่อยประจุลบเพื่อจับอนุภาคฝุ่นละออง
3. ระดับเสียง
- โหมดกลางคืน: ควรเลือกเครื่องที่มีโหมดกลางคืนเพื่อลดระดับเสียงให้เงียบที่สุด เหมาะสำหรับห้องนอน
- เสียงรบกวน: พิจารณาถึงระดับเสียงขณะทำงาน หากมีเสียงดังเกินไปอาจรบกวนการพักผ่อน
4. ฟังก์ชันเสริม
- เซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศ: ช่วยให้เครื่องปรับระดับการทำงานตามสภาพอากาศจริง
- ไทเมอร์: ตั้งเวลาเปิด-ปิดเครื่องได้
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi: ควบคุมเครื่องผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
5. การบำรุงรักษา
- การเปลี่ยนแผ่นกรอง: แผ่นกรองต้องเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การทำความสะอาด: ทำความสะอาดตัวเครื่องเป็นประจำ
6. งบประมาณ
- เปรียบเทียบราคา: เปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของแต่ละรุ่น
- คุ้มค่า: เลือกเครื่องที่คุ้มค่ากับราคาและตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
7. แบรนด์และความน่าเชื่อถือ
- เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง: มักจะมีมาตรฐานและการรับประกันที่ดี
- อ่านรีวิว: อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
สรุป การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้อง เทคโนโลยีการกรอง ฟังก์ชันเสริม และงบประมาณ การพิจารณาอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด