1. สภาพผิว:

• ผิวแห้ง: เลือกครีมไข่มุกที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด เซราไมด์ หรือเชียบัตเตอร์ เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
• ผิวมัน: เลือกครีมไข่มุกที่มีเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว และมีส่วนผสมควบคุมความมัน เช่น ซัลซิลิก แอซิด หรือทีทรีออยล์
• ผิวผสม: เลือกครีมไข่มุกที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาแต่ให้ความชุ่มชื้นเพียงพอ โดยอาจเลือกสูตรที่ออกแบบมาสำหรับผิวผสมโดยเฉพาะ

2. ปัญหาผิว:

• ผิวหมองคล้ำ: เลือกครีมไข่มุกที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ไนอะซินาไมด์ หรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
• ผิวมีรอยสิว: เลือกครีมไข่มุกที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน มีส่วนผสมช่วยลดการอักเสบ เช่น สารสกัดจากชาเขียว หรือว่านหางจระเข้
• ผิวขาดความกระชับ: เลือกครีมไข่มุกที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เปปไทด์ หรือกรดไฮยาลูรอนิก เพื่อช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูและกระชับขึ้น

3. ส่วนผสม:

• ไข่มุก: เลือกครีมไข่มุกที่มีส่วนผสมของผงไข่มุกแท้หรือสารสกัดจากไข่มุก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใส
• สารสกัดจากธรรมชาติ: เลือกครีมไข่มุกที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น อโลเวรา วิตามินอี หรือสารสกัดจากสมุนไพรต่างๆ เพื่อช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง
• สารกันแดด: หากต้องการครีมไข่มุกที่ใช้ได้ในตอนกลางวัน ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมของสารกันแดด

4. เนื้อสัมผัส:

• เนื้อครีม: เลือกเนื้อครีมที่เหมาะกับสภาพผิวและความชอบส่วนตัว เช่น เนื้อครีมบางเบา ซึมซาบเร็ว หรือเนื้อครีมเข้มข้นให้ความชุ่มชื้นสูง
• กลิ่น: เลือกกลิ่นที่ชอบหรือกลิ่นที่ไม่มีกลิ่น